Rehab Timeline 0 - 90 วัน ฟื้นฟูผู้ป่วยสะโพกเทียมในศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ
เจาะลึกการฟื้นฟูผู้ป่วยสะโพกเทียมใน 90 วันแรก พร้อมบทบาทสำคัญของศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ตั้งแต่การกายภาพ โภชนาการ จนถึงการใช้ชีวิตประจำวัน

การผ่าตัดสะโพกเทียม (Hip Replacement Surgery) เป็นทางเลือกสำคัญของผู้สูงอายุที่ประสบปัญหาข้อสะโพกเสื่อม อักเสบ หรือเจ็บปวดเรื้อรังจนรบกวนชีวิตประจำวัน แม้การผ่าตัดจะช่วยบรรเทาอาการปวดได้ทันที แต่ “การฟื้นฟูหลังผ่าตัด” กลับเป็นขั้นตอนที่ท้าทายและต้องใช้เวลามากกว่าที่หลายคนคิด โดยเฉพาะ ช่วง 90 วันแรก ที่ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของการกลับไปใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพอีกครั้ง
ในช่วงเวลานี้ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุจึงมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง เพราะไม่เพียงแต่ช่วยดูแลความปลอดภัยในกิจวัตรประจำวัน แต่ยังทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานกับแพทย์ นักกายภาพบำบัด และครอบครัว เพื่อออกแบบการฟื้นฟูที่เหมาะสมเฉพาะบุคคล ตั้งแต่การจัดการความเจ็บปวด การฝึกเดิน การออกกำลังกาย ไปจนถึงการดูแลโภชนาการและสุขภาพจิตใจ
Phase 1 วัน 0–7 (Immediate Post-Op Phase)
เป้าหมาย ลดเจ็บ ควบคุมบวม ป้องกันภาวะแทรกซ้อน
ทันทีหลังการผ่าตัด ผู้ป่วยจะถูกส่งเข้าสู่ห้องพักฟื้นและต้องอยู่ในการดูแลใกล้ชิด แพทย์และพยาบาลจะเฝ้าระวังสัญญาณชีพ ความเจ็บปวด และแผลผ่าตัดอย่างต่อเนื่อง
สิ่งที่ต้องทำ
- ประคบเย็นบริเวณสะโพกเพื่อลดบวม
- เริ่มขยับข้อเท้าและขาเล็กน้อย (ankle pumps, quad sets) ป้องกันการเกิดลิ่มเลือด
- ลุกนั่งบนเตียงและยืนได้ด้วยความช่วยเหลือภายใน 24–48 ชม.
- เดินระยะสั้นด้วย Walker ภายใต้การดูแลนักกายภาพ
บทบาทศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ
- ให้การดูแลตลอด 24 ชม. ลดภาระของครอบครัวในช่วงวิกฤติ
- ควบคุมการใช้ยาแก้ปวดและยาป้องกันลิ่มเลือดตามคำสั่งแพทย์
- สนับสนุนด้านจิตใจเพื่อลดความกังวลของผู้สูงอายุ
Phase 2 สัปดาห์ที่ 2–6 (Early Rehab Phase)
เป้าหมาย ฟื้นฟูการเคลื่อนไหวและสร้างความมั่นคงในการเดิน
หลังสัปดาห์แรก ผู้ป่วยสามารถกลับบ้านหรือพักฟื้นต่อในศูนย์ดูแลผู้สูงอายุได้ การทำกายภาพบำบัดสม่ำเสมอคือหัวใจสำคัญในช่วงนี้
สิ่งที่ต้องทำ
- ฝึกเดินระยะสั้นถึงกลาง โดยใช้ไม้เท้าแทน Walker เมื่อพร้อม
- ออกกำลังกายเพิ่มแรงกล้ามเนื้อสะโพกและต้นขา เช่น bridging exercise, hip abduction
- ฝึกทำกิจวัตรประจำวัน (เช่น ลุกจากเก้าอี้ เข้าห้องน้ำ) อย่างปลอดภัย
บทบาทศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ
- ออกแบบโปรแกรมกายภาพเฉพาะบุคคล (individualized PT program)
- มีทีมช่วยเฝ้าระวังการหกล้มและสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการฟื้นตัว
- จัดโภชนาการที่เหมาะสม เช่น อาหารโปรตีนสูง วิตามินซี วิตามินดี และแคลเซียมเพื่อเสริมการสมานแผลและกระดูก
Phase 3 สัปดาห์ที่ 6–12 (Strength & Mobility Phase)
เป้าหมาย เพิ่มความแข็งแรง ความทนทาน และช่วงการเคลื่อนไหว
ในช่วงนี้ ผู้ป่วยเริ่มกลับมามีความมั่นใจในการเคลื่อนไหวมากขึ้น และสามารถฝึกกิจกรรมที่ใช้แรงและสมดุลมากกว่าเดิม
สิ่งที่ต้องทำ
- ฝึกเดินระยะยาวขึ้น ลดการพึ่งพาอุปกรณ์ช่วยเดิน
- ปั่นจักรยานอยู่กับที่เพื่อเสริมความทนทานและการเคลื่อนไหวของข้อสะโพก
- ฝึกขึ้น-ลงบันไดอย่างถูกวิธีภายใต้การดูแล
- เริ่มกิจกรรมเบา ๆ เช่น โยคะสำหรับผู้สูงอายุ หรือว่ายน้ำ (เมื่อแผลหายดี)
บทบาทศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ
- มีอุปกรณ์และสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการฝึก เช่น ห้องกายภาพและห้องออกกำลังกายที่ปลอดภัย
- ติดตามความก้าวหน้าผ่านการประเมินรายสัปดาห์
- สร้างกิจกรรมกลุ่ม เช่น กายภาพร่วมกับเพื่อนผู้สูงอายุ เพื่อเสริมแรงจูงใจและสุขภาพจิตใจ
Phase 4 สัปดาห์ที่ 12–16 (Functional Recovery Phase)
เป้าหมาย กลับไปใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติที่สุด
ผู้ป่วยในระยะนี้ควรสามารถเดินโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วย และกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้เกือบทั้งหมด
สิ่งที่ต้องทำ
- เดินเองในบ้านและนอกบ้านโดยไม่ใช้อุปกรณ์ช่วย
- ออกกำลังกายเสริมสมดุลและความแข็งแรง เช่น resistance training เบา ๆ
- เตรียมความพร้อมสำหรับการกลับบ้านหรือใช้ชีวิตอย่างอิสระเต็มที่
บทบาทศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ
- ประเมินความพร้อมของผู้ป่วยทั้งด้านร่างกายและจิตใจ
- สอนทักษะการใช้ชีวิตจริง เช่น ขึ้นลงรถ การเดินบนพื้นต่างระดับ
- ให้คำปรึกษาแก่ครอบครัวในการดูแลต่อเนื่องเมื่อผู้ป่วยกลับบ้าน
การฟื้นฟูผู้ป่วยสะโพกเทียมในช่วง 90 วันแรกคือเส้นทางสำคัญที่กำหนดคุณภาพชีวิตในระยะยาว หากได้รับการดูแลที่ถูกต้องและต่อเนื่อง ผู้ป่วยจะสามารถกลับมาเดินได้คล่องแคล่ว ลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อน และกลับไปใช้ชีวิตที่มีอิสระได้อีกครั้ง ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุจึงทำหน้าที่เป็น พันธมิตรด้านการฟื้นฟู ที่ไม่เพียงช่วยในเรื่องทางการแพทย์ แต่ยังสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและเอื้อต่อการกลับมามีชีวิตที่สมบูรณ์
การฟื้นฟูหลังผ่าตัดสะโพกเทียมในช่วง 90 วันแรกเป็นช่วงเวลาที่มีความสำคัญสูงสุด ผู้ป่วยต้องได้รับการดูแลครบวงจร ตั้งแต่การควบคุมอาการเจ็บปวด การทำกายภาพบำบัด โภชนาการที่เหมาะสม ไปจนถึงการฝึกทำกิจวัตรประจำวัน โดยมีศูนย์ดูแลผู้สูงอายุทำหน้าที่เป็นทีมสนับสนุนหลัก ทั้งในด้านการแพทย์ สิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัย และการให้กำลังใจ เพื่อให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยมากที่สุด