Ultrasound Therapy กระตุ้นซ่อมแซม Soft Tissue ยังไง

ค้นพบกลไกทางชีววิทยาของ Ultrasound Therapy ที่กระตุ้นการซ่อมแซมเนื้อเยื่ออ่อน พร้อมข้อบ่งชี้ ข้อควรระวัง และแนวทางการรักษาที่มีประสิทธิภาพ

Admin
12 ต.ค. 2568

เมื่อคุณบาดเจ็บกล้ามเนื้อจากการออกกำลังกายหนักเกินไป หรือเอ็นอักเสบจากการทำงานซ้ำๆ ร่างกายต้องการเวลาและกระบวนการที่เหมาะสมในการซ่อมแซมตัวเอง Ultrasound Therapy (การบำบัดด้วยคลื่นอัลตราซาวนด์) เป็นหนึ่งในเทคนิคทางการแพทย์ที่ช่วยเร่งกระบวนการนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจกลไกทางชีววิทยาที่อยู่เบื้องหลัง Ultrasound Therapy ว่ามันกระตุ้นการซ่อมแซมเนื้อเยื่ออ่อน (Soft Tissue) อย่างไร พร้อมข้อบ่งชี้การใช้งานและสิ่งที่คุณควรรู้ก่อนรับการรักษา

 

Ultrasound Therapy คืออะไร และทำงานอย่างไร

Ultrasound Therapy เป็นการใช้คลื่นเสียงความถี่สูง (ประมาณ 1-3 MHz) ที่มนุษย์ไม่สามารถได้ยินได้ เพื่อกระตุ้นการรักษาเนื้อเยื่ออ่อนในร่างกาย คลื่นเสียงเหล่านี้แตกต่างจากคลื่นอัลตราซาวนด์ที่ใช้ในการตรวจครรภ์ โดยมีระดับความเข้มข้นของพลังงานที่สูงกว่า

 

กลไกการทำงานสองแบบ

ผลกระทบทางความร้อน (Thermal Effect): คลื่นเสียงทำให้โมเลกุลในเนื้อเยื่อสั่นสะเทือนอย่างรวดเร็วและแปลงเป็นความร้อน ช่วยเพิ่มอุณหภูมิของเนื้อเยื่อลึกได้ 3-5 องศาเซลเซียส ความร้อนนี้ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ขยายหลอดเลือด และทำให้เนื้อเยื่อยืดหยุ่นขึ้น

ผลกระทบทางกล (Mechanical Effect): คลื่นเสียงสร้างการสั่นสะเทือนขนาดเล็ก (micro-vibration) ที่ช่วยกระตุ้นเยื่อหุ้มเซลล์ เพิ่มการซึมผ่านของสารอาหารและออกซิเจน และช่วยขับสารพิษออกจากเซลล์ได้ดีขึ้น

นักกายภาพบำบัดจะเลือกใช้ความถี่ตามความลึกของเนื้อเยื่อ: 3 MHz เหมาะสำหรับเนื้อเยื่อตื้น (0.5-2 ซม.) เช่น ข้อมือ ข้อศอก ส่วน 1 MHz เหมาะสำหรับเนื้อเยื่อลึก (2-5 ซม.) เช่น กล้ามเนื้อต้นขา หลัง

 

กลไกการกระตุ้นการซ่อมแซมเนื้อเยื่ออ่อน

การซ่อมแซมเนื้อเยื่ออ่อนเกิดขึ้นใน 3 ระยะหลัก และ Ultrasound Therapy ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในแต่ละระยะด้วยกลไกที่แตกต่างกัน
 

1. ระยะการอักเสบเฉียบพลัน (0-5 วัน)

ในระยะแรกของการบาดเจ็บ ร่างกายส่งเซลล์ภูมิคุ้มกันมารับมือกับความเสียหาย Ultrasound Therapy ช่วยโดย:

เพิ่มการไหลเวียนเลือด: ความร้อนจากคลื่นทำให้หลอดเลือดขยายตัว เพิ่มปริมาณเลือดที่ไหลเวียนไปยังบริเวณที่บาดเจ็บได้ถึง 100-200% นำพาออกซิเจน สารอาหาร และเซลล์ภูมิคุ้มกันที่จำเป็นมากขึ้น

ลดการบวม: ผลกระทบทางกลช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของน้ำเหลือง (lymphatic drainage) ทำให้ของเหลวที่สะสมและสารพิษถูกขับออกจากบริเวณที่บาดเจ็บได้เร็วขึ้น

ควบคุมการอักเสบ: การศึกษาพบว่า Ultrasound สามารถควบคุมระดับของสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบและเพิ่มสารต้านการอักเสบ ช่วยให้การอักเสบอยู่ในระดับที่เหมาะสม

 

2. ระยะการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ (5-21 วัน)

ระยะที่สองเป็นช่วงที่ร่างกายเริ่มสร้างเนื้อเยื่อใหม่มาทดแทนส่วนที่เสียหาย Ultrasound มีบทบาทสำคัญในการ:

กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน: คอลลาเจนเป็นโปรตีนหลักที่สร้างโครงสร้างของเนื้อเยื่ออ่อน การศึกษาแสดงให้เห็นว่า Ultrasound เพิ่มการสร้างคอลลาเจนได้ถึง 30-40% โดยกระตุ้นเซลล์ fibroblast ที่รับผิดชอบการผลิตคอลลาเจน

เพิ่มการสร้างหลอดเลือดใหม่: คลื่นอัลตราซาวนด์ช่วยกระตุ้นการสร้างหลอดเลือดฝอยใหม่เข้าไปในเนื้อเยื่อที่กำลังซ่อมแซม นำพาสารอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงเนื้อเยื่อใหม่

กระตุ้นการเจริญของเซลล์: การศึกษาในหลอดทดลองพบว่าเซลล์ที่ได้รับการกระตุ้นด้วย Ultrasound มีอัตราการเจริญเติบโตสูงกว่าเซลล์ควบคุมถึง 20-30%

 

3. ระยะการปรับโครงสร้างและแข็งแรง (21 วัน - 2 ปี)

ระยะสุดท้ายเป็นช่วงที่เนื้อเยื่อใหม่จัดเรียงตัวและแข็งแรงขึ้น Ultrasound ช่วยในการ:

จัดเรียงเส้นใยคอลลาเจน: การสั่นสะเทือนจากคลื่นช่วยกระตุ้นการจัดเรียงเส้นใยคอลลาเจนในทิศทางที่ถูกต้อง ทำให้เนื้อเยื่อมีความแข็งแรงและยืดหยุ่นที่เหมาะสม

เพิ่มความยืดหยุ่น: ความร้อนจากคลื่นช่วยให้เนื้อเยื่อยืดหยุ่นขึ้น ลดการติดแน่นหรือแข็งตึง (scar tissue adhesion) ที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการซ่อมแซม

 

ข้อบ่งชี้และประสิทธิผลในการรักษา

Ultrasound Therapy ได้รับการพิสูจน์ว่ามีประสิทธิภาพในการรักษาหลายอาการ

การบาดเจ็บของกล้ามเนื้อและเอ็น

การฉีกขาดของกล้ามเนื้อ: การศึกษาพบว่า Ultrasound ช่วยลดระยะเวลาการฟื้นตัวได้ประมาณ 30-40% เมื่อเทียบกับการรักษาแบบปกติ

เอ็นอักเสบ (Tendinitis): งานวิจัยแสดงให้เห็นว่ามีประสิทธิภาพในการลดความเจ็บปวดและการอักเสบของเอ็น โดยเฉพาะเอ็นร้อยหวายอักเสบและเอ็นข้อศอกอักเสบ (Tennis Elbow)

 

ความผิดปกติของข้อต่อ

ข้อแข็ง (Joint Contracture): Ultrasound ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของ capsule ของข้อต่อที่แข็งจากการบาดเจ็บหรือการผ่าตัด การศึกษาพบว่าช่วยเพิ่มช่วงการเคลื่อนไหวได้มากกว่าการรักษาแบบเดิม

Frozen Shoulder: งานวิจัยแสดงให้เห็นว่า Ultrasound ร่วมกับการยืดกล้ามเนื้อช่วยลดความเจ็บปวดและเพิ่มความยืดหยุ่นของไหล่ได้อย่างมีนัยสำคัญ

 

ข้อควรระวังและข้อห้ามใช้

แม้ว่า Ultrasound Therapy จะปลอดภัยโดยทั่วไป แต่มีข้อห้ามที่ต้องคำนึงถึง

 

ข้อห้ามใช้แน่นอน

  • ผู้ที่ตั้งครรภ์: ห้ามใช้บริเวณช่องท้องหรือเชิงกราน เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์
  • มะเร็งหรือก้อนเนื้อ: ห้ามใช้บริเวณที่มีเนื้องอก เพราะอาจกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
  • อุปกรณ์ฝังในร่างกาย: ห้ามใช้บริเวณที่มีเครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker) หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ
  • การติดเชื้อเฉียบพลัน: ห้ามใช้บริเวณที่มีการติดเชื้อในระยะเฉียบพลัน เช่น ฝี หนอง
  •  

ข้อควรระวัง

  • บริเวณกระดูกที่กำลังเติบโตในเด็ก (growth plate)
  • บริเวณที่มีโลหะฝังไว้ ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง
  • ผู้ที่มีความผิดปกติของการรับรู้ เช่น ผู้ป่วยเบาหวานที่มีภาวะเส้นประสาทเสื่อม
  •  

การเลือกรับการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ

เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด มีหลายปัจจัยที่ควรพิจารณา

เลือกผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการรับรอง: ควรรับการรักษากับนักกายภาพบำบัดหรือแพทย์ที่มีประสบการณ์ การตั้งค่าที่ถูกต้องมีความสำคัญต่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพ

ความถี่ในการรักษา: โดยทั่วไปจะทำ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ แต่ละครั้งใช้เวลา 5-15 นาที การบาดเจ็บเฉียบพลันอาจต้องการ 6-10 ครั้ง ส่วนภาวะเรื้อรังอาจต้องการ 12-20 ครั้ง

การรักษาแบบผสมผสาน: Ultrasound มักให้ผลดีที่สุดเมื่อใช้ร่วมกับการออกกำลังกายฟื้นฟู การนวด และเทคนิคการยืดกล้ามเนื้อ

การดูแลตัวเองหลังการรักษา: หลังรับ Ultrasound ควรให้เนื้อเยื่อได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ หลีกเลี่ยงกิจกรรมหนักใน 24-48 ชั่วโมงแรก และทำตามแผนการออกกำลังกายฟื้นฟูอย่างสม่ำเสมอ

 

คำถามที่พบบ่อย
 

Ultrasound Therapy ปวดไหม?
โดยทั่วไปไม่ปวด คุณอาจรู้สึกอุ่นเล็กน้อย ถ้ารู้สึกร้อนหรือไม่สบายควรแจ้งนักกายภาพบำบัดทันที

ใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะเห็นผล?
บางคนรู้สึกดีขึ้นหลังรักษา 2-3 ครั้ง แต่การปรับปรุงที่แท้จริงมักใช้เวลา 2-4 สัปดาห์

ค่าใช้จ่ายเป็นอย่างไร?
โดยทั่วไปอยู่ในช่วง 300-800 บาทต่อครั้ง ขึ้นอยู่กับสถานที่และจำนวนครั้งที่รักษา ประกันสุขภาพบางประเภทอาจคุ้มครอง

ต้องรักษากี่ครั้ง?
โดยทั่วไปต้องรักษา 6-12 ครั้งสำหรับการบาดเจ็บเฉียบพลัน และอาจมากกว่านั้นสำหรับภาวะเรื้อรัง

 

เริ่มต้นการฟื้นตัวของคุณ

Ultrasound Therapy เป็นวิธีการรักษาที่ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ว่าช่วยเร่งการซ่อมแซมเนื้อเยื่ออ่อนได้จริง ผ่านกลไกทั้งทางความร้อนและทางกลที่กระตุ้นการทำงานของเซลล์ในทุกระยะของการรักษา

สิ่งสำคัญคือการเลือกรับการรักษาจากผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้และประสบการณ์ พร้อมทั้งปฏิบัติตามแผนการรักษาอย่างสม่ำเสมอ การผสมผสาน Ultrasound กับการออกกำลังกายฟื้นฟูและการปรับเปลี่ยนกิจกรรมจะช่วยให้คุณฟื้นตัวได้เร็วขึ้นและกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่

หากคุณกำลังประสบปัญหาการบาดเจ็บของเนื้อเยื่ออ่อนที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินว่า Ultrasound Therapy เหมาะสมกับคุณหรือไม่อาจเป็นก้าวสำคัญในเส้นทางสู่การฟื้นตัว

บทความที่คุณควรอ่านต่อ
- ปวด คอ บ่า ไหล่ เรื้อรังหายได้ไม่ต้องผ่าตัด! รู้จัก PMS เทคโนโลยีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ควรลอง
- Rehab Timeline 0 - 90 วัน ฟื้นฟูผู้ป่วยสะโพกเทียมในศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ

Share :